จุตินันท์ ภิรมย์ภักดี ประธานคณะกรรมการพาราลิมปิกฯ กล่าวว่า "การแข่งขันพาราเพรสครั้งนี้ จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 5 ถือเป็นงานประเพณีที่ให้พี่ๆน้องๆสื่อมวลชน ได้สัมผัสกับนักกีฬาคนพิการทีมชาติ แพ้ชนะไม่สำคัญ จุดประสงค์ที่แท้จริงคือการร่วมแข่งขันกีฬาหลายประเภท ที่ตั้งอยู่ในพื้นฐานของความไม่สมบูรณ์ของร่างกาย เช่น วีลแชร์บาสเกตบอล ฟุตบอลคนตาบอด รู้สึกถึงความยากลำบากในการแข่งขันกีฬาคนพิการ รวมถึงอุปสรรคในการฝึกซ้อมของคนพิการ และถือเป็นการให้กำลังใจนักกีฬาในการฝึกซ้อม ก่อนเดินทางไปแข่งขันเพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติ ในกีฬา เอเชี่ยน พาราเกมส์ ที่ประเทศอินโดนีเซีย ในเดือนตุลาคมนี้ ต่อไป"
"ในปีนี้นักกีฬาพาราทีมชาติไทย มีโปรแกรมไปแข่งขันในศึกเอเชี่ยนพาราเกมส์ ซึ่งถือเป็นศึกใหญ่ของทีมพาราไทย โดยครั้งนี้จะนักกีฬาคนพิการทีมชาติไทยทั้งนักกีฬาหน้าใหม่ และนักกีฬาความหวัง พร้อมจ้าหน้าที่ เข้าร่วมชิงชัยกว่า 300 คน ซึ่งเป้าหมายในเอเชียนพาราเกมส์ครั้งนี้ แน่นอนว่าเราหวังที่จะทำผลงานให้ดีกว่าครั้งก่อนที่ทำได้ 21 เหรียญทอง เพื่อปูทางสู่ศึกพาราลิมปิกเกมส์ 2020 ที่ประเทศญี่ปุ่นต่อไป ที่ผ่านมาในอาเซียนพาราเกมส์ 2017 เราประสบความสำเร็จในการผลักดันนักกีฬาหน้าใหม่ขึ้นมาในระดับหนึ่งแล้ว ดังนั้นนักกีฬาเหล่านี้จะก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญ ให้กับทีมชาติไทยในรายการนี้ได้อย่างแน่นอน โดยชาติในเอเชียที่เป็นคู่แข่งที่น่ากลัวก็จะมี เกาหลีใต้ กับ อิหร่าน ส่วนในอาเซียนก็จะเป็นเจ้าภาพอินโดนีเซีย'' |